Past Perfect Continuous Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Present Perfect Continuous Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Future Perfect Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Past Perfect Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Present Perfect Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Future Continuous Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Past Continuous Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Present Continuous Tense
อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
S.+will+v.infinitive
ปัจจุบันนิยมใช้ will กับทุกประธาน ( เมื่อก่อน
I กับ we ใช้ shall )
v.infinitive คือ
กริยาที่ไม่ผัน ไม่เติม s/es ed ใดๆอะไรทั้งสิ้น
เช่น
v.inf ของ v.to be
คือ be
v.1
ของ v.to be
คือ is/am/are
v.2 ของ v.to be
คือ was/were
v.3 ของ v.to be
คือ been
1.อนาคต อนาคต อนาคต (ยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ กำลังจะทำในเวลาข้างหน้า)
Ex.
I will
go to the Mall shopping center.
= ฉันจะไปห้างเดอะมอลล์
She will help
me doing my homework.
= เธอจะช่วยฉันทำการบ้าน
I
will go to see
the movie tomorrow. Will you
come with me?
=ฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้
ไปด้วยกันป่าว
They’ll come here again next week. =
พวกเขาจะมาอีกครั้งในอาทิตย์หน้า
2.ใช้แสดงความตั้งใจ
แน่นอน (พูดเน้นหนักที่ will)
Ex.
I
will speak Japanese fluently
in five months.
= ฉันจะพูดภาษาญี่ปุ่นให้คล่องภายในห้าเดือน
S.+v.2
1.อดีต อดีต อดีต
(ทำในอดีต จบลงตัว ไม่ต้องสนอย่างความต่อเนื่อง บลาๆๆ อย่างอื่น)
Ex.
I
saw movie yesterday. = ฉันดูหนังเมื่อวานนี้
I
live in Ireland
for 3 years. = ฉันเคยอยู่ไอร์แลนด์เป็นเวลาสามปี (แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้วนะ)
Did you play a musical
instrument when you were a kid? = คุณเคยเล่นเครื่องดนตรีมั้ยเมื่อตอนคุณเป็นเด็ก
You
didn’t cook dinner for me last week. = เธอไม่ได้ทำอาหารเย็นให้ฉันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
Why did three dogs died last year? = ทำไมเมื่อปีที่แล้วหมาสามตัวถึงตาย
2.ใช้เมื่อต้องการให้ประโยคสุภาพขึ้น
Ex.
ถามเพื่อนในห้องเรียน
ว่าห้องน้ำไปทางไหน
Can
you show me
the way to
toilet? (ใช้ can
เพราะสนิทกัน)
ไปเดินห้าง
เดินไปถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่า ร้านเอ็มเคอยู่ตรงไหน
Could you show me the way to MK
restaurant?
What would you like to eat? คุณอยากกินอะไรคะ
I would like French fries. ฉันอยากกินเฟรนช์ฟรายค่ะ
3.ใช้เมื่อต้องการบอกว่า
ไม่มั่นใจ
เพื่อนชวนไปติวหนังสือ เราตอบไปว่า
I could come with you. =ฉันสามารถไปกับเธอได้ (แต่ในใจไม่มั่นใจว่าจะไปจริงๆ เพราะฉันขี้เกียจ)
เพื่อนชวนไปงานสังสรรค์ปาร์ตี้
I can come
with you. = ฉันสามารถไปกับเธอได้
(ไปแน่นอน งานเลี้ยงนี่ไม่พลาดหรอก หึหึ)
Simple มันก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือ อะไรง่ายๆ
แล้ว Present มันคือ ปัจจุบัน
อะไรง่ายๆ ปัจจุบัน ก็ v.1 ไปเลยสิ ง่ายจะตาย เห็นมะ
เพราะฉะนั้น โครงสร้างมันก็ง่ายแสนง่าย
Subject + v.1
1.เกิดขึ้นขณะที่พูด
ตอนนี้เลย แบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดไรมาก
Ex.
Hello, What is your name? = สวัสดี คุณชื่ออะไร
My name is Harry Potter. = ผมชื่อแฮรี่ พอตเตอร์
Oh! It’s nice to finally see you in
person. = ดีจริงๆที่ได้เจอคุณตัวจริงสักที
Now,let me introduce my friend, his
name is Ron. = ตอนนี้ ฉันขอแนะนำเพื่อนของฉัน ชื่อเขาคือรอน
2.เกิดขึ้นบ่อยๆ
เป็นประจำ จนเป็นนิสัย
มักจะมีคำบอกเวลา เช่น
often (บ่อยๆ) always
(เสมอ) usually (โดยปกติ) every…(ทุกๆ…)
twice a week (สองครั้งต่อสัปดาห์) seldom (นานๆครั้ง)
Ex.
I always get up at 10 o’clock every
day. = ฉันตื่นนอนตอนสิบโมงเช้าทุกวัน
I often go to the library. = ฉันไปห้องสมุดบ่อยๆ
3.เป็นข้อเท็จจริง Fact
I’m
Japanese. = ฉันเป็นคนญี่ปุ่น
I’m Tutor. = ฉันเป็นติวเตอร์
I live in Bangkok. = ฉันอยู่ในกรุงเทพ
I love you so much. = ฉันรักเธอมาก
The sun rises in the east and sets
in the west. = พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
Snow is white. =
หิมะสีขาว
4. อนาคตอันใกล้ที่แน่นอน
Ex.
The flight leaves Seoul for London at 09.00 am tomorrow.
เที่ยวบินนั้นจะออกจากโซลไปยังลอนดอนเวลา
เก้าโมงเช้าพรุ่งนี้
แบ่งตามกาลเวลา 3 ช่วงเวลา คือ
- Past อดีต
- Present ปัจจุบัน
- Future อนาคต
- Past อดีต
- Present ปัจจุบัน
- Future อนาคต
แบ่งตามรูปแบบประโยคได้ 4 รูปแบบ คือ
- Simple
- Continuous
- Perfect
- Perfect Continuous
- Simple
- Continuous
- Perfect
- Perfect Continuous
เพราะฉะนั้นเมื่อนำทั้งกาลเวลาและรูปแบบมาจัดเข้าด้วยกัน
จะทำให้ tense
มีถึง 12 แบบเลยทีเดียว
คลิกที่ชื่อ tense ด้านล่าง จะนำไปสู่ลิ้งขยายความเข้าใจของแต่ละ tense
1. Present Simple
2. Past Simple
3. Future Simple
4. Present Continuous
5. Past Continuous
6. Future Continuous
7. Present Perfect
8. Past Perfect
9. Future Perfect
10. Present Perfect Continuous
11. Past Perfect Continuous
12. Future Perfect Continuous
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ก่อนอื่นเราดูตารางคร่าวๆ ก็จะเห็นว่าตารางนี้ มี 4 คอลัมน์ กับอีก 3 แถว
รวมทั้งหมดไฝว้กันออกมาได้เป็น 12 ช่อง
โดยที่หัวตารางด้านบนในแนวตั้ง จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า tense จะมี 4 อัน คือ
1. Simple 2. Continuous 3. Perfect 4. Perfect Continuous
ส่วนหัวตารางด้านซ้ายในแนวนอนจะเป็น time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ
1. Present ( ปัจจุบัน) 2. Past (อดีต) 3. Future (อนาคต)
***ค่อยๆ ดูไปด้วยกันทีละคอลัมน์ในแนวตั้ง เวลาอ่านชื่อ tense ก็อ่านช่องด้านซ้ายก่อน
แล้วก็ต่อด้วยช่องด้านบน
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องแรกคือ Simpleง่ายสุดเลย
• Present Simple เป็นแบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆ เลย
Sub + V1 (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์)
• Past Simple ก็ง่ายอีก
Sub + V2 ไปเลย ในเมื่อ V2 มันก็คือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้ว
• Future Simpleเอา
Sub + will + V.inf โดยที่คำว่า will แปลว่า "จะ" มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู้น
จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ “will + verb” ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก
เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!
***ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I will eating. I will eaten. ผิดทันที !!!!!!!!!!***
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องที่สองคือ Continuous
รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + V.ing
(Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่ท่องกันมานั้นแหละ)
"มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + V.ing โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ V.ing คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ V.ing"
• Present Continuous ก็เลยจะเป็น
S. + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I'm kicks. I'm loves. ผิดทันที!!!
แต่ถ้าเจอ I'm kicked. I'm loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice
ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I'm said....ผิดทันที
• Past Continuous รูปประโยคเดิมเปี๊ยบแต่ผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีต ก็จะได้เป็น
Sub + was/were + Ving
• Future Continuous
Sub + will + be + Ving พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ “will” มาบอกว่าเรา "จะทำ" แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยน ไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น “Sub + will + be + Ving” และ “be” ตรงกลาง นั่นก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน
จะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด !!!!!!!!!
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องถัดมาคือ Perfect
รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 (ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย)
มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็นPerfect คือ V3"
• Present Perfect ก็เลยเป็น
Sub + has/have + V3
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He, She,I t, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ "has"
ถ้าเป็นพหูพจน์ (You, We, They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ "have"
• Past Perfect แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2
Sub + had + V3 อุต๊ะ ง่ายจิมจิม!!
• Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า "จะ..." เหมือนเดิม ได้เป็น
Sub + will + have + V3 เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีก
***และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!! ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ..... หรือ will had..... หรือ will v3..... ผิดทันที !!!!!!!!***
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน
จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด !!!!!!!!!
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
สุดท้ายก็คือ Perfect Continuous
"ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Ving ด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving"
• Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น
Sub + has/have + been + Ving โดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous จับมาต่อกัน
• Past Perfect Continuous จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องเปลี่ยน ก็ได้
Sub + had + been + Ving ซึ่ง had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบ!!!
• Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น!
Sub + will + have + been + Ving โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
***ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ใช้***
will + has + been + Ving ผิดทันที!
will + been + Ving ผิดทันที!
will + have + be + Ving ผิดทันที !!!!!!!
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต
จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด !!!!!!!!!!!
1. Present Simple
2. Past Simple
3. Future Simple
4. Present Continuous
5. Past Continuous
6. Future Continuous
7. Present Perfect
8. Past Perfect
9. Future Perfect
10. Present Perfect Continuous
11. Past Perfect Continuous
12. Future Perfect Continuous
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
วิธีการผันโครงสร้าง tense
ขอยกข้อความที่แสนเข้าใจง่ายของคุณเอม เพจจีบัน ดอท คอม
ขอบคุณมากๆค่ะ
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆ก่อนอื่นเราดูตารางคร่าวๆ ก็จะเห็นว่าตารางนี้ มี 4 คอลัมน์ กับอีก 3 แถว
รวมทั้งหมดไฝว้กันออกมาได้เป็น 12 ช่อง
โดยที่หัวตารางด้านบนในแนวตั้ง จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า tense จะมี 4 อัน คือ
1. Simple 2. Continuous 3. Perfect 4. Perfect Continuous
ส่วนหัวตารางด้านซ้ายในแนวนอนจะเป็น time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ
1. Present ( ปัจจุบัน) 2. Past (อดีต) 3. Future (อนาคต)
***ค่อยๆ ดูไปด้วยกันทีละคอลัมน์ในแนวตั้ง เวลาอ่านชื่อ tense ก็อ่านช่องด้านซ้ายก่อน
แล้วก็ต่อด้วยช่องด้านบน
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องแรกคือ Simpleง่ายสุดเลย
• Present Simple เป็นแบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆ เลย
Sub + V1 (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์)
• Past Simple ก็ง่ายอีก
Sub + V2 ไปเลย ในเมื่อ V2 มันก็คือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้ว
• Future Simpleเอา
Sub + will + V.inf โดยที่คำว่า will แปลว่า "จะ" มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู้น
จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ “will + verb” ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก
เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!
***ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I will eating. I will eaten. ผิดทันที !!!!!!!!!!***
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องที่สองคือ Continuous
รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + V.ing
(Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่ท่องกันมานั้นแหละ)
"มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + V.ing โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ V.ing คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ V.ing"
• Present Continuous ก็เลยจะเป็น
S. + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I'm kicks. I'm loves. ผิดทันที!!!
แต่ถ้าเจอ I'm kicked. I'm loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice
ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I'm said....ผิดทันที
• Past Continuous รูปประโยคเดิมเปี๊ยบแต่ผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีต ก็จะได้เป็น
Sub + was/were + Ving
• Future Continuous
Sub + will + be + Ving พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ “will” มาบอกว่าเรา "จะทำ" แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยน ไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น “Sub + will + be + Ving” และ “be” ตรงกลาง นั่นก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน
จะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด !!!!!!!!!
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
ช่องถัดมาคือ Perfect
รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 (ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย)
มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็นPerfect คือ V3"
• Present Perfect ก็เลยเป็น
Sub + has/have + V3
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He, She,I t, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ "has"
ถ้าเป็นพหูพจน์ (You, We, They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ "have"
• Past Perfect แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2
Sub + had + V3 อุต๊ะ ง่ายจิมจิม!!
• Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า "จะ..." เหมือนเดิม ได้เป็น
Sub + will + have + V3 เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีก
***และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!! ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ..... หรือ will had..... หรือ will v3..... ผิดทันที !!!!!!!!***
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน
จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด !!!!!!!!!
▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆▆
สุดท้ายก็คือ Perfect Continuous
"ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Ving ด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving"
• Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น
Sub + has/have + been + Ving โดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous จับมาต่อกัน
• Past Perfect Continuous จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องเปลี่ยน ก็ได้
Sub + had + been + Ving ซึ่ง had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบ!!!
• Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น!
Sub + will + have + been + Ving โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
***ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ใช้***
will + has + been + Ving ผิดทันที!
will + been + Ving ผิดทันที!
will + have + be + Ving ผิดทันที !!!!!!!
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต
จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด !!!!!!!!!!!
ขอบคุณ คุณเอม จีบัน ดอท คอม ค่ะ